ปัญหาเรื่องพระอาทิตย์

  • by

ปัญหาเรื่องพระอาทิตย์

         เมื่อครั้งที่ขงจื้อ เดินทางท่องเที่ยวไปตามแคว้นต่าง ๆ  ของจีน มีอยู่คราวหนึ่งขณะที่วิ่งรถไป  ขงจื้อเห็นข้างถนนมีเด็ก 2 คน  กำลังถกเถียงกันอยู่ ขณะนั้นขงจื้อนั่งบนรถ  ห่างจากเด็กพอสมควร  ได้ยินไม่ชัดว่าเด็กเถียงกันเรื่องอะไร  แต่เห็นว่าเด็กทั้งสองคนเถียงกันอย่างหน้าดำหน้าแดง  เสียงที่พูดขึ้นมายิ่งดัง  ดูท่าทีจะลงมือลงไม้กันแล้ว  ขงจื้อจึงลงจากรถ  เดินไปหาเด็กทั้งสอง ตั้งใจจะช่วยไกล่เกลี่ย  ถามเด็กทั้งสองว่า…

         “พวกเธอกำลังเถียงกันเรื่องอะไร”

         เด็กคนหนึ่งพูดว่า   “คุณลุง  คุณลุงคือใครครับ  เรื่องที่คุณลุงรู้จะต้องมากกว่าที่พวกผมรู้แน่ๆ  ขอเชิญคุณลุงช่วยเป็นกรรมการตัดสินให้พวกผมด้วยนะครับ”

         ขงจื้อตอบว่า  “ฉันคือขงจื้อแห่งแคว้นหลู่  เชิญบอกฉันก่อน ว่าพวกเธอกำลังถกเถียงกันเรื่องอะไร”

         เด็กอีกคนหนึ่งพูดว่า  “ที่แท้  คุณลุงคือขงจื้อ คุณลุงต้องสามารถตัดสินปัญหานี้ให้พวกเราได้แน่ ๆ  เพราะใคร ๆ  ก็รู้ว่าคุณลุงเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในโลก”

         ขงจื้อพูดว่า  “รีบบอกปัญหาให้ฉันฟัง”

         เด็กคนหนึ่งพูดว่า  “ผมคิดว่าพระอาทิตย์  เมื่อตอนเพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้าในเวลาเช้าอยู่ใกล้  เวลาเที่ยงอยู่ไกลจากตัวเรา”

         เด็กอีกคนหนึ่งรีบพูดขึ้นทันทีว่า  “ที่เขาพูดไม่ถูก  ผมคิดว่าพระอาทิตย์ตอนเช้าอยู่ไกล  ตอนกลางวันอยู่ใกล้คนเรา”

         ขงจื้อพูดว่า  “พวกเธอลองพูดเหตุผลของตัวเองมาดู”

         เด็กคนแรกพูดว่า  “พระอาทิตย์ตอนเพิ่งพ้นขอบฟ้าเวลาเช้าดวงกลมโต  โตพอ ๆ  กับล้อรถเลย  แต่พอกลางวันก็เล็กลงเหลือขนาดราวๆ  ชามข้าวเท่านั้น  สิ่งของยิ่งอยู่ไกลก็ยิ่งดูเล็ก  เพราะฉะนั้นแสดงว่าพระอาทิตย์ตอนเช้าอยู่ใกล้  ตอนกลางวันอยู่ไกล”

         เด็กอีกคนหนึ่งพูดว่า  “ผิดโดยสิ้นเชิง  ตอนเช้าพระอาทิตย์เพิ่งออกมา  พวกเรารู้สึกเย็นสบาย  พอถึงตอนเที่ยงก็ส่องแสงจนคนเหงื่อท่วมตัว  เวลาเราอยู่ใกล้ไฟก็จะรู้สึกร้อน  ถ้าอยู่ห่างออกมาก็ไม่ค่อยรู้สึก   ดังนั้นผมคิดว่าพระอาทิตย์ตอนเที่ยงอยู่ใกล้”

         พอเด็กสองคนพูดจบ  ก็ถามขงจื้อว่า  จริง ๆ  แล้วความคิดของพวกตนของใครถูก

         ขงจื้อดูเหมือนได้รับความลำบากจากปัญหานี้แล้ว  นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ  ไม่รู้จะตอบอย่างไร  และตอบเด็กไปว่า  “ฉันยังไม่อาจตัดสินโดยเด็ดขาดได้ว่า  ความคิดของพวกเธออันไหนถูก  เพราะฉันยังไม่เคยค้นคว้าวิจัยเรื่องนี้มาก่อน”

         เด็กสองคนนั้นคิดในใจว่า “ขงจื้อได้ชื่อว่าเป็นนักวิชาการที่เก่งที่สุด  แต่ปัญหานี้แม้กระทั่งขงจื้อยังตอบไม่ได้  แล้วพวกเราเพิ่งมีความรู้สักเท่าไรเชียว  ถึงได้ปักใจมั่นหัวชนฝาว่าความคิดของตนเองถูก  ช่างเป็นเรื่องไม่สมควรจริงๆ”

ท่านสาธุชนทั้งหลาย…

         เราเคยเป็นคนดื้อปักใจมั่นเชื่อในความคิดของตนเอง  จนไม่ยอมรับฟังความคิดคนอื่นบ้างไหม  แก้วน้ำที่ปิดฝาอยู่ต่อให้เอาน้ำมาเทสักโอ่ง  ก็คงไม่เข้าสักหยด  แต่ถ้าเปิดฝาออก  เทน้ำลงไปประเดี๋ยวก็เต็มเปี่ยม ถ้าเราเปิดใจให้กว้าง  เราจะได้เรียนรู้อะไรต่าง ๆ  มากมาย  ไม่เป็นกบในกะลาครอบ  และขอให้ดูตัวอย่างขงจื้อ แม้ได้รับยกย่องว่าเป็นปราชญ์ใหญ่ในยุคนั้น  แต่เมื่อเจอเรื่องที่ตัวไม่รู้ ก็บอกตรง ๆ  ว่าไม่รู้ ไม่มีอาการกลัวหน้าแตก  แล้วตอบโมเมส่งเดชไป  คนไม่รู้แล้วไม่ชี้ยังดี  ที่กลัวคือคนไม่รู้แต่ชี้  แล้วชี้ผิด ๆ  พาคนอื่นเข้าใจผิดตามๆ กันไปด้วย

         ความรู้ต่าง ๆ  ในโลกนี้เกิดจากการขบคิดไตร่ตรองด้วยเหตุผล  ไม่ว่าจะเป็นความคิดของนักวิชาการที่เก่งเพียงใด  ก็ล้วนมีโอกาสผิดพลาดทั้งสิ้น  ทฤษฎีต่าง ๆ  ในโลกตั้งขึ้นแล้วก็มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพราะเป็นความรู้ที่เกิดจากความคิด  (จินตามยปัญญา)  มีเพียงความรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ที่เกิดจากการทำสมาธิภาวนา (ภาวนามยปัญญา) เท่านั้นที่ถูกต้องจริงแท้ตลอดกาล  ทนทานต่อการพิสูจน์ เพราะเป็นความรู้จากใจที่สงบหยุดนิ่ง  สว่างไสว  ปราศจากกิเลสอวิชชาที่มาห่อหุ้มใจ  เป็นความรู้ที่ทำให้พ้นทุกข์  ทำให้โลกสงบเย็น  เรามาปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึงความรู้ชนิดนี้กันเถิด

มหาสมุทรซึ่งเป็นที่ไหลมารวมกันของน้ำจากทุกสารทิศ
จะต้องมีระดับพื้นที่ต่ำกว่าพื้นที่ตรงต้นน้ำทั้งหลายฉันใด
ผู้ที่ต้องการจะรับการถ่ายทอดคุณความดีจากบุคคลทั้งหลาย
ก็จะต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตนก่อนฉันนั้น

( พุทธพจน์ )
(มงคล ที่ ๒๓ มีความถ่อมตน ฉ.ทางก้าวหน้า น.๒๐๑)

—————————————————————————————-
ที่มา : หนังสือ “มังกรสอนใจ” โดย พระมหาดร.สมชาย ฐานวุฑฺโฒ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *