คนขายเนื้อ

  • by

คนขายเนื้อ

ที่แคว้นฉีมีชายขายเนื้อคนหนึ่ง เปิดร้านขายเนื้อเล็กๆ  ซึ่งมีกิจการค้าไม่เลวทีเดียว  เขาจัดเป็นคนธรรมดาสามัญที่สุดคนหนึ่ง  แต่มีความเข้าใจชีวิตดีทีเดียว  มีความพอใจในอาชีพและความเป็นอยู่ของตนเอง ไม่คิดฟุ้งซ่านสร้างวิมานในอากาศ

มีวันหนึ่ง  กษัตริย์แคว้นฉีส่งอำมาตย์คนหนึ่งมาที่บ้านของคนขายเนื้อนั้น  อำมาตย์คนนั้นบอกกับเขาว่า…

“องค์กษัตริย์มีพระราชประสงค์จะยกพระราชธิดาให้ท่าน  ถ้าท่านตอบรับ  ไม่เพียงแต่จะได้รับสินสอดเงินทองมากมายมหาศาล ยังสามารถรับราชการเป็นขุนนางผู้ใหญ่ด้วย  นี่เป็นโอกาสที่ยากจะพบพานในรอบพันปี  ข้าพเจ้าคิดว่าท่านคงไม่ปฏิเสธกระมัง”

ชายขายเนื้อตอบไปว่า

“ข้าพเจ้ารู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณขององค์กษัตริย์เป็นอย่างยิ่ง  แต่ข้าพเจ้าไม่อาจรับเรื่องนี้ไว้ได้ เพราะข้าพเจ้าเป็นโรคชนิดหนึ่งซึ่งไม่มีทางรักษาหาย  ขอให้ท่านช่วยกราบขอพระราชทานอภัยโทษ  และกราบบังคมทูลถึงความสำนึกในพระมหากรุณาธิ-คุณเป็นล้นพ้นของข้าพเจ้าด้วย”

หลังจากอำมาตย์คนนั้นกลับไปแล้ว  เพื่อนบ้านและมิตรสหายของคนขายเนื้อต่างรุมกันตำหนิเขา  ว่าเขาไม่ควรปล่อยให้โอกาสดีเช่นนี้หลุดมือไป

คนขายเนื้อชี้แจงว่า  “พวกท่านคิดว่านี้เป็นโอกาสดีหรือ  ตัวฉันกลับไม่คิดเช่นนั้น  ในใต้ฟ้าไหนเลยจะมีเรื่องราวที่สะดวกง่ายดายอย่างนี้ แคว้นฉีมีชายหนุ่มที่หล่อเหลาคมคายสติปัญญาดีอยู่มากมาย แต่องค์กษัตริย์ไม่ยกพระราชธิดาให้คนอื่น  กลับประจวบเหมาะมาพอใจตัวฉัน  ถ้าไม่ใช่เพราะพระราชธิดามีรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์อย่างยิ่ง  ก็แสดงว่าต้องมีข้อบกพร่องอะไรที่ร้ายแรงอยู่อย่างแน่นอน ถึงแม้ฉันเป็นเพียงคนขายเนื้อคนหนึ่ง  ก็ไม่อาจที่จะแต่งงานกับหญิงที่ตนไม่ชอบเลย  เพียงเพื่อทรัพย์สินเงินทอง”

ทุกคนแม้จะรู้สึกว่าคำพูดของเขามีเหตุผลอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่รู้สึกคล้อยตามไปเสียทั้งหมด  มีคนหนึ่งถามเขาว่า

“แกไปเอาความคิดแบบนี้มาจากไหน”

คนขายเนื้อตอบว่า

“ฉันเป็นคนขายเนื้อ  เรื่องอะไรอื่นฉันไม่ค่อยรู้มากนัก  แต่เป็นเรื่องการขายเนื้อละก็  ฉันคือผู้เชี่ยวชาญ  เนื้อที่สดใหม่  แม้ราคาจะแพงขึ้นสักเล็กน้อย  ผู้คนก็รุมกันซื้อ  แต่ถ้าเป็นเนื้อเก่าที่เริ่มส่งกลิ่น  แม้จะขายราคาถูก  แล้วยังแถมกระดูกติดมันให้อีก  ก็ไม่มีใครต้องการ”

ท่านสาธุชนทั้งหลาย…

คนจำนวนมากในโลกชอบคิดเข้าข้างตนเอง เวลาจะรักใครชอบใครบางทีก็รู้ทั้งรู้ว่าคน ๆ  นั้นเป็นคนไม่ดี  ชอบยุ่งอบายมุข  เจ้าชู้  เป็นต้น  แต่ก็ปลอบใจตนเองว่า  เขาอาจจะไม่ดีกับคนอื่น  แต่เราเป็นบุคคลพิเศษ  เขาต้องดีกับเราแน่ ๆ  เลย  เสร็จแล้วก็ต้องมานั่งน้ำตาตกในในภายหลัง  หรือบางครั้งเวลามีคนเอาทรัพย์เอาความโลภมาล่อ ทั้งๆ  ที่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลน่าสงสัย  แต่ก็คิดเข้าข้างตัวเองว่า  คงเป็นโชคของเรา  รีบคว้าเอาไว้ก่อนดีกว่า  แล้วก็มีเรื่องเดือดร้อนเสียหายตามมาภายหลัง  ความจริงแล้ว  การคิดเข้าข้างตัวเองอย่างนี้  คือการยอมแพ้ต่ออำนาจกิเลส  ความโลภ  ความหลงในตัวนั่นเอง  แล้วหาเหตุผลมาบอกกับตัวเองเพื่อจะทำตามความอยากของตัว

ถ้าเพียงแต่เราฝึกให้ตนเองเป็นคนรู้จักพอ คิดอะไรให้สุขุมรอบคอบ  ดูเหตุ  ดูผล  ดูทั้งได้ทั้งเสียให้รัดกุม  ไม่โลภ  ไม่หวังลาภลอย  เราจะขจัดเรื่องเดือดร้อนออกจากชีวิตไปได้มากทีเดียว  และจะดำเนินชีวิตไปด้วยความสุขตามอัตภาพของตน

ตุฏฐี  สุขา  ยา  อิตรีตเรน
พอใจตามมี  ยินดีตามที่ได้  นำสุขมาให้
( ธรรมบท 25/49 )

——————————————————-
ที่มา : หนังสือ “มังกรสอนใจ” โดย พระมหาดร.สมชาย ฐานวุฑฺโฒ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *