“การบินไทย” สายการบินแห่งชาติของเราชาวไทยเรานั้น จัดเป็นหนึ่งในสายบินชั้นนำของโลกที่มีมาตรฐานการให้บริการที่สูงและดีเยี่ยม พนักงานได้รับการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี มีการบริการที่น่าประทับใจ ซึ่งผู้ที่เคยโดยสารย่อมทราบถึงความแตกต่างจากสายการบินอื่น นักบินเองก็มีความสามารถสูงเป็นที่ยอมรับ อีกทั้งยังเป็นสายการบินที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุน้อยที่สุดสายการบินหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในจำนวนน้อยครั้งนั้นเกิดขึ้นที่ กาฏมัณฑุ
เมื่อเกือบสองปีที่ผ่านมานี้ เครื่องบินการบินไทยเที่ยวบิน TG 301 บินจากกรุงเทพฯ ไปยังกรุงกาฏมัณฑุ ประเทศเนปาล ขณะที่ใกล้จะถึงที่หมายได้ประสบกับปัญหาภาวะอากาศแปรปรวน เครื่องบินบินผิดทิศทางชนภูเขา ผู้โดยสาร ๑๓๑ คนเสียชีวิตหมดทั้งลำ ปกติเครื่องบินประสบอุบัติเหตุ สิ่งที่จะเป็นกุญแจไขปริศนาให้เรารู้สาเหตุได้ดีที่สุดนั่นก็คือ กล่องดำ ซึ่งทำการบันทึกการทำงานของเครื่องบิน ทิศทางการเคลื่อนที่ รวมทั้งคำสนทนาของนักบินไว้ในนั้น
เนื่องจากในครั้งนี้มีชาวญี่ปุ่นที่โดยสารไปกับเครื่องบินลำนี้ได้เสียชีวิต มีจำนวนหลายคน ทางสถานีโทรทัศน์ NHK จึงได้นำผลการตรวจสอบกล่องดำทำเป็นสารคดีออกอากาศ สรุปความได้ว่า…ในวันเกิดเหตุมีพายุฝนฟ้าคะนอง อากาศแปรปรวนมาก ทำให้เครื่องบินลำนี้ไม่สามารถลงจอดได้ทันที ต้องบินวนไปมา ในขณะนั้นสภาวะอากาศภายนอกมืดครึ้มมาก มองอะไรไม่เห็น ต้องบินโดยอาศัยเครื่องบอกทาง ขณะที่บินวนอยู่นั้น กัปตันเข้าใจว่าเครื่องกำลังบินวนลงมาทางใต้ ซึ่งเป็นที่ราบโล่งแล้ว แต่นักบินผู้ช่วยแย้งว่า เครื่องน่าจะกำลังบินขึ้นไปทางเหนือ ซึ่งเต็มไปด้วยเทือกเขาสูงมากกว่า กัปตันไม่ฟัง เพราะคิดว่าตนเองมีประสบการณ์มากกว่า บินต่อไปอีกสักพัก เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์เตือนภัยได้ส่งสัญญาณเตือนขึ้นว่า “เครื่องกำลังเข้าใกล้พื้นดิน…เครื่องกำลังเข้าใกล้พื้นดิน…” เพราะระดับพื้นดินทางตอนเหนือที่เป็นเทือกเขาลาดชันสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
NHK ได้นำเทปอัดเสียงเหตุการณ์ช่วง ๑๕ วินาทีสุดท้ายก่อนเครื่องจะพุ่งชนภูเขามาออกอากาศ ในท่ามกลางเสียงสัญญาณเตือนภัยที่ดังระงมว่า “เครื่องกำลังเข้าใกล้พื้นดิน… เครื่องกำลังเข้าใกล้พื้นดิน…” บทสนทนาของนักบินผู้ช่วยที่พูดด้วยน้ำเสียงหวั่นวิตกซ้ำแล้วซ้ำเล่า กับคำตอบด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจของกัปตัน เป็นสิ่งที่อธิบายเรื่องราวความเป็นไปได้ดีที่สุด
“กัปตัน เลี้ยวกลับเถอะ”
“เฮ้ย! สัญญาณเตือนผิดพลาดน่ะ”
“กัปตัน เลี้ยวกลับเถอะ”
“เฮ้ย! สัญญาณเตือนผิดพลาดน่ะ”
เสียงทั้งหมดขาดหายลงเพียงเท่านี้…
จากการสำรวจของกรมการบินพลเรือน สหรัฐอเมริกา พบว่า อุบัติเหตุทางเครื่องบินในสหรัฐอเมริกา ร้อยละ ๘๐ มีสาเหตุมาจาก การทำงานที่ไม่ประสานกันของ กัปตันและนักบินผู้ช่วย
นาวาชีวิตของกลุ่มองค์กรต่าง ๆ ก็ดูจะไม่ต่างกันไปนัก หน่วยงานใดที่ผู้บริหารมีความเชื่อมั่นในตนเองสูงเกินไป ไม่รับฟังความคิด เห็นของคนอื่น เห็นการทักท้วงจากบุคคลอื่นเป็นเรื่องไร้สาระ จะทำให้รอบตัวเต็มไปด้วยคนประจบสอพลอ ซึ่งถ้าผู้บริหารพอใจกับภาวะเช่นนั้น ก็นับว่าอนาคตของหน่วยงานนั้นน่าเป็นห่วง
หมู่คณะที่ จะเจริญก้าวหน้าไปได้อย่างมั่นคงปลอดภัยนั้นบุคคลในระดับผู้นำ จำเป็นต้องเป็นผู้ที่รู้จักรับฟังความคิดเห็นของบุคคลอื่นด้วย
เป็นผู้ที่มีอะไรแล้วพูดคุยกันได้ ปรึกษาหารือกันได้ ไม่ติดยึดในความคิด เห็นของตัวเองมากเกินไป ต้องสร้างบรรยากาศให้ผู้ใต้บังคับบัญชา กล้าแสดงความคิดเห็น กล้าทักท้วง และแน่นอนว่า จำเป็นต้องฝึกผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาให้รู้จักคิดไตร่ตรองก่อนพูด รู้จักกาลเทศะในการเสนอความเห็น และรู้จักรับคำสั่งด้วย
สาเหตุที่ทำให้ผู้นำหลาย ๆ คนเชื่อมั่นในตนเองมากเกินไป มักมาจากความสำเร็จในอดีต เมื่อประสบความสำเร็จหลาย ๆ ครั้งเข้า ความเชื่อมั่นในตนเองก็มากขึ้นตามลำดับ จนกลายเป็นความหลงตัวเอง ไม่ฟังใคร ติดยึดกับวิธีการคิด วิธีการทำงานแบบเดิม ๆ ที่ตนเคยใช้ ลืมมองไปว่า สถานการณ์รอบตัวได้เปลี่ยนไปตลอดเวลา การแข่งขันและมีเงื่อนไขปัจจัยต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไป จะนำหมู่คณะไปพบกับความเสื่อม ดังตัวอย่างที่ประเทศญี่ปุ่นเคยประสบมา
ในสมัยเมจิ หลังจากเปิดประเทศพัฒนาตัวเองได้ ๒๐ ปีเศษ ญี่ปุ่นก็เริ่มนโยบายสร้างชาติด้วยการรุกรานเพื่อนบ้าน บุกรุกทำการรบยึดเอาเกาหลี ไต้หวันเป็นอาณานิคม รบจนชนะจีนยึดดินแดนได้มากมาย รบชนะรัสเซียได้สิทธิทางรถไฟ พื้นที่แถบแมนจูเรียและแหลมเลียวตุง การได้ชัยชนะจากการรบครั้งแล้วครั้งเล่านี้ ทำให้บรรดาขุนศึกของญี่ปุ่นฮึกเหิมลำพองใจในพลังอำนาจของตน โดยมั่นใจว่า การสร้างชาติจะทำได้ก็ด้วยกำลังทหารเท่านั้น ผู้นำฝ่ายพลเรือนใครไม่เห็นด้วยก็กำจัดเสีย สุดท้ายก็เข้ายึดอำนาจบริหารประเทศเสียเอง และนำประเทศเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ ๒ โจมตีอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ ประกาศสงครามกับอเมริกา โดยไม่คำนึงว่า อเมริกาไม่ใช่เกาหลี ไม่ใช่จีน หรือรัสเซีย มองข้ามพลังทางการผลิตของอเมริกาที่มีขนาดของเศรษฐกิจใหญ่กว่าตนถึง ๓๐ กว่าเท่าตัวในขณะนั้น มองข้ามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของอเมริกา ผลก็คือ ประเทศญี่ปุ่นต้องพบกับความหายนะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ บทเรียนนี้ประเทศญี่ปุ่นซื้อมาด้วยราคาแพง ซื้อด้วยชีวิตคนเกือบสิบล้านคน และประเทศที่เหลือแต่ซากปรักหักพัง
การฝึกให้เป็นคนรู้จักรับฟังความเห็นของผู้อื่น ต้องเริ่มที่ตัวของเราเอง ซึ่งต้องเริ่มฝึกตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ฟังความคิดเห็นของคนอื่น ไม่ใช่เพราะความจำเป็นต้องรับฟัง แต่ให้ฟังเพราะเห็นประโยชน์และความตั้งใจฟัง เมื่อทุกคนปรับปรุงโดยเริ่มจากตัวเองเช่นนี้แล้ว เมื่อเป็นหัวหน้าก็จะเป็นหัวหน้าที่ดี หมู่คณะก็จะพัฒนาก้าวหน้าไปได้อย่างมั่นคงปลอดภัย
การไม่รับฟังใคร… บางทีจะก่อให้เกิดผลเสียหายร้ายแรง ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ดังอุทาหรณ์ จาก “กล่องดำ” ในเที่ยวบินมรณะนั้น หรือจากบทเรียนความฮึกเหิมในชัยชนะของญี่ปุ่นก็น่าจะเป็นได้
———————————————————————————————————————————————-
ที่มา : หนังสือข้อคิดจากรอบตัว โดย พระมหาดร.สมชาย ฐานวุฑฺโฒ