ทำไมคนฉลาดถึงตัดสินใจโง่ๆ

  • by

ตัดสินใจ

มีข้อคิดที่อยากจะฝากพวกเราคือ คนคนเดียวกันเวลาต่างกันความเฉลียวฉลาดไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับว่าในขณะนั้นใจเขานิ่งขนาดไหน  ขณะเดียวกันคนสองคนถ้าบอกว่า  คนหนึ่งหัวดีกว่าอีกคนหนึ่ง  ฉลาดกว่าอีกคนหนึ่ง  ก็ไม่แน่เสมอไป  เราพบว่าในบางสถานการณ์  นาย  ก  ก็ดูเหมือนฉลาดกว่านาย  ข  ถ้ารบกันก็ชนะ  แต่บางครั้งนาย  ข  ก็กลับฉลาดกว่านาย ก ได้ ถามว่าเป็นเพราะอะไร ตรงนี้สำคัญ คนจำนวนมากมองข้าม จึงมองจุดบกพร่องของตัวเองไม่ออก

เราต้องเข้าใจอย่างนี้ก่อนว่า ในสถานการณ์หนึ่ง เมื่อพิจารณาด้วยดีแล้วผู้มีปัญญาก็มองออกว่า ควรตัดสินใจอย่างไรที่จะให้ผลดีที่สุด

แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามที่ใจของเขาถูกกิเลสเข้าครอบงำ  จะเป็นด้วยความอยากเด่นอยากดังก็ตาม  ด้วยความระแวงก็ตาม  ด้วยความอวดดื้อถือดีก็ตาม  เขาก็จะตัดสินใจไปอีกแบบ  ทั้งที่จริง ๆ  ตนเองก็รู้ว่าตัดสินใจอย่างนี้ไม่ถูก  มันควรต้องตัดสินใจอีกแบบ แต่เพราะว่าการตัดสินใจอีกแบบที่ถูกต้อง  มันมาขัดกับกิเลสที่เข้าครอบงำอยู่  ถ้าทำอย่างนั้นแล้วเดี๋ยวมันไม่เด่นมันไม่ดัง  ก็เลยไปเลือกทำอีกแบบที่คิดว่ามันจะเด่นมันจะดัง  เลือกทำอีกแบบที่เป็นลักษณะการมีทิฏฐิอวดดื้อถือดี 

ปัญญาที่มีจึงเหมือนไม่มี เพราะไม่เลือกทำตามที่ปัญญาเห็น  แต่กลับไปทำตามที่กิเลสสอน สุดท้ายก็พลั้งพลาดเสียทีไป

ใครเคยอ่านสามก๊ก คงจะจำบังทองได้  เป็นศิษย์ร่วมอาจารย์กับขงเบ้ง ท่านว่ามีความฉลาดทัดเทียมกันเลย  แต่สุดท้ายบังทองเพิ่งจะนำทัพออกรบช่วยเล่าปี่แค่ยกสองยกก็ตายเสียแล้ว  ก่อนจะบุกเสฉวนก็ตายเสียก่อน  ถูกข้าศึกวางกลลวงล้อมยิงด้วยเกาทัณฑ์จนตายถามว่ามือขนาดบังทองฉลาดแสนฉลาด  ทำไมถูกกลศึกลวงเอาง่าย ๆแบบนั้น คำตอบเป็นเพราะความแข่งดีอยากจะเอาหน้าเอาตา  ให้เหนือกว่าขงเบ้ง  บังทองรู้สึกว่าตัวเองมาทีหลังขงเบ้ง  จึงอยากจะสร้างผลงาน  ทั้งที่จริงตนก็รู้ว่าบุกอย่างนี้ไม่ปลอดภัย เสี่ยงมากที่จะถูกกลศึก  แต่ทั้ง ๆ รู้ก็ยังฝืนทำ  เพราะหวังว่าถ้าสำเร็จจะได้หน้าได้ตา  สุดท้ายก็เจอกลศึกข้าศึกจริง ๆ  ถูกรุมยิงด้วยเกาทัณฑ์แย่ไปทั้งกองทัพตนเองก็ตายกลางศึก  นี่เขาเรียกว่ากิเลสมันมาบังปัญญา ปัญญา ที่มีอยู่ก็เลยเหมือนกับไม่มี

โจโฉว่าเก่งแสนเก่งพออวดดื้อถือดีเข้าก็ย่ำแย่เสียหลายตอนบางครั้งสถานการณ์บังคับเตรียมจะสั่งถอยทัพอยู่แล้ว  แต่เผอิญถูกขุนพลคนหนึ่งที่ตนเองหมั่นไส้อยู่ คือเอียวสิ้ว มารู้ทันความคิดตัวเองก็เลยสั่งจับเอียวสิ้วไปตัดคอเสีย  แล้วฝืนไม่ถอยทัพ  เพราะมีทิฏฐิจะทำให้เหมือนกับว่าเอียวสิ้วไม่ได้รู้ทันตัวเอง สุดท้ายกองทัพก็เลยย่ำแย่ถูกตีแตก  ตนเองก็แทบเอาชีวิตไม่รอด

เมื่อถูกทิฏฐิมานะมาบดบัง ปัญญาของโจโฉที่มีก็เหมือนไม่มี

เพราะฉะนั้นพวกเราหากต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตอย่าให้กิเลสในตัวเป็นเครื่องชี้นำ  ไม่ต้องไปแข่งดีกับใครเลย ขอเพียงให้เราตั้งใจสู้กับกิเลสในตัว สำรวจตัวเองให้ดีหมั่นแก้ไขข้อบกพร่องในตัวแก้ข้อบกพร่องตัวเองไปได้มากเท่าไร เราก็จะโดดเด่นขึ้นมา โดยไม่ต้องไปแข่งกับใคร  ไม่ต้องไปยกตัวเองขึ้นมาเลย   มันจะเด่นขึ้นมาเองไม่ต้องไปสู้กับใครเขาหรอก  สู้กับกิเลสในตัวของเรานี่แหละ  นี่คือหน้าที่หลักของทุกคน  ท่านบอกว่าคนที่รบชนะคนอื่นเป็นร้อย  ก็สู้คนที่รบชนะตัวเองคนเดียวไม่ได้  รู้หลักอย่างนี้แล้ว   เรามีสติปัญญามากเท่าใดขอให้ใช้ให้เต็มประสิทธิภาพ  ไม่ให้กิเลสทั้งหลายมาเป็นจุดอ่อนในตัวเรา  จะเป็นทิฏฐิมานะก็ตาม  ความอวดดื้อถือดีก็ตาม   ความอยากเด่นอยากดังก็ตาม  อย่าให้มาบดบังปัญญาของเราได้  เอากิเลสเหล่านี้ออกไป ปัญญาของเราก็จะฉายชัดมากขึ้น ๆ ซึ่งจะทำได้ด้วยการหมั่นทำสมาธิอย่างสม่ำเสมอ   จะทำให้มีสติดีและใจมีพลังเอาชนะอำนาจกิเลสในตัวได้

ขอให้พวกเราทุกคนประสบความสำเร็จในการฝึกใจของเราให้เป็นสมาธิตั้งมั่น มีประสิทธิภาพในการประกอบกิจทั้งหลายทั้งทางโลกและทางธรรม  ได้สำเร็จกันทุกท่านเทอญ

ที่มา : หนังสือทันโลกทันธรรม โดย พระมหาดร.สมชาย ฐานวุฑฺโฒ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *