วินัย คือ พื้นฐานความสำเร็จ

  • by

gotoknow.org

         วินัย มีความสำคัญต่อความสำเร็จในชีวิตของคนเรามากทีเดียว ดูอย่างร่างกายของเราที่ แข็งแรงเติบโตมาได้อย่างนี้ เพราะวินัยแท้ๆ วินัยของอวัยวะทุกๆ ส่วนของร่างกายที่ทำงานประสานกันได้อย่างดี ถ้าหากอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งขาดวินัยร่างกายก็คงแย่ ถ้าเราทานข้าวไปแล้วกะเพาะอาหารบอกว่าวันนี้ขี้เกียจย่อย ลำไส้บอกว่าขี้เกียจดูดซึมอาหาร ผลก็คือเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ มีปัญหาทันที หรือถ้าหากปอดบอกว่าวันนี้ขี้เกียจทำงาน ขอหยุดพักชั่วคราวเพียงไม่กี่นาทีชีวิตเราก็แย่แล้ว ยิ่งถ้าหากหัวใจบอกว่าขอพักสูบฉีดเลือดสักหน่อย เราก็คงไม่รอดแน่นอน ดังนั้นหากอวัยวะส่วนหนึ่งส่วนใด หยุดทำงานเมื่อไร ร่างกายเราย่อมรวนทันที ทุกส่วนของร่างกายคนเราเรียกว่าทำงานอย่างมีวินัยมาก

         ดังนั้นเมื่อเราจะใช้สังขารร่างกายที่อุตส่าห์ทำงานประสานกันอย่างมีวินัย ในการประกอบกิจเพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับตัวเอง เราก็คงต้องมีวินัยเหมือนกัน อย่าให้น้อยหน้า ตับ ปอด หัวใจ ไส้พุง ทุกๆ ส่วนของร่างกายเรา ซึ่งเป็นตัวอย่างของวินัยในธรรมชาติที่ใกล้ตัวเราที่สุด

วินัยที่เป็นพื้นฐานของความสำเร็จ คือ

1. วินัยเรื่องเวลา

2. วินัยเรื่องความสะอาด ความเป็นระเบียบ

นาฬิกา022

         1. วินัยเรื่องเวลา ใครมีวินัยเรื่องเวลา คนนั้นจะทำงานได้มาก และประสบความสำเร็จ ถ้าเป็นนักเรียนก็จะเรียนได้ดี ถ้าเป็นนักทำงานก็จะผลิตผลงานได้มากและมีคุณภาพ ซึ่งเรื่องนี้แม้จะเป็นเรื่องที่ทราบกันดี แต่ก็ทำได้ไม่ง่ายนัก

         ในการฝึกวินัยเรื่องเวลานั้น นอกเหนือจากการฝึกการตรงต่อเวลาแล้ว ยังมีสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ การแบ่งเวลา เราจะแบ่งเวลาของเราในแต่ละวันอย่างไร เมื่อวางแผนแล้วก็ทำให้ได้ตามนั้นโดยใช้การตรงต่อเวลาเสริมเข้ามา เพราะฉะนั้นต้องเริ่มที่การแบ่งเวลาก่อน ถ้าแบ่งเวลาไม่เป็น ใช้เวลาแบบสะเปะสะปะ จะตรงเวลาได้อย่างไร

         การฝึกวินัยเรื่องเวลา สามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ ด้วยการฝึกวินัยเกี่ยวกับเวลาในการเข้านอน เมื่อเราตั้งใจว่าจะเข้านอนเวลาใด ก็ให้จัดวางกิจวัตรต่างๆ ให้เข้ากับจังหวะเวลาของเราให้ดีเมื่อถึงเวลาที่กำหนดไว้ก็เข้านอนเท่านั้นเอง การฝึกวินัยเรื่องนี้น่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ง่ายที่สุด เพราะไม่ได้ให้ไปทำงานอะไรเลย แต่เชื่อไหมว่า วินัยที่ดูเหมือนง่ายๆ และแสนสบายนี้ เวลาทำจริงๆ กลับไม่ง่ายเลย บางคนคิดว่าจะเข้านอน 4 ทุ่มครึ่ง พอถึงเวลากลับขอทำอะไรต่ออีก เดี๋ยวก็นั่น เดี๋ยวก็นี่ เวลาเคลื่อนออกไป พอเข้านอนดึกถึงเวลาเช้าก็ไม่อยากตื่น ถ้าจำเป็นต้องตื่นก็งัวเงีย ประสิทธิภาพในการทำงานก็เสียไปทั้งวัน แต่ถ้าเรามีวินัยเรื่องเวลานอนเราก็จะมีวินัยเรื่องเวลาตื่นโดยอัตโนมัติ เราจะตื่นด้วยความสดชื่น และสามารถบริหารเวลาในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี

คนโบราณมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้เป็นอย่างดี จึงผูกโคลงโลกนิติ สอนใจไว้ว่า

คนตื่นคืนหนึ่งช้า                จริงเจียว

มล้าวิถีโยชน์เดียว               ดุจร้อย

สงสารหมู่พาลเทียว            ทางเนิ่น นานนา

เพราะบ่เห็นธรรมน้อย      หนึ่งให้เป็นคุณ

เริ่มต้นช้าไปนิดเดียว เหมือนช้าไปเป็นร้อยโยชน์ ตื่นสายไปแค่ครึ่งชั่วโมง ชีวิตก็ร้อนรน รีบเร่งทำอะไรไม่ทันไปทั้งวัน เพียงแค่ตื่นเช้า ชีวิตเราก็จะมีความพร้อมสำหรับทุกอย่าง ซึ่งการจะตื่นเช้าด้วยความสดชื่นอย่างนี้ย่อมเป็นผลจากการเข้านอนเร็วตรงเวลา

         ในการฝึกเด็กๆ ให้มีวินัยในการนอน พ่อแม่เองก็ต้องมีวินัยในการนอนด้วยเช่นกัน ก่อนนอนก็สวดมนต์นั่งสมาธิ ใจสบายแล้วก็หลับไปในอู่ทะเลบุญ อย่างนี้จึงจะดี วินัยเวลาเริ่มที่การนอน เป็นการฝึกในเรื่องง่ายๆ แต่ก็ต้องอาศัยความตั้งใจจริง เพราะฉะนั้น ขอให้ตั้งใจฝึกให้มีวินัยในเรื่อง เวลานอน เวลาตื่น แล้ววินัยเวลาในเรื่องอื่นๆ จะตามมา ให้ประโยชน์กับชีวิตได้อย่างไม่น่าเชื่อทีเดียว

         2. วินัยในเรื่องเกี่ยวกับความสะอาด ความเป็นระเบียบ เรื่องนี้ก็สำคัญ ถ้าสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราสะอาดสะอ้าน และเป็นระเบียบเรียบร้อย ใจเราก็จะโปร่งเบาสบาย ความคิดก็เป็นระเบียบ จะทำอะไรคุณภาพงานก็จะดี ถ้าหากตัวเรายังแวดล้อมไปด้วยความสกปรกเลอะเทอะอยู่ ก็คงเป็นไปได้ยากที่เราจะสร้างผลงานดีๆ ออกมา ใจเราเองก็จะขุ่นมัว ตัวอย่างเช่น โรงงานที่สกปรกเลอะเทอะ การที่จะผลิตสินค้าให้มีคุณภาพดีก็คงเป็นไปได้ยาก ตรงกันข้ามกับโรงงานที่สะอาดเป็นระเบียบ คนทำงานก็รู้สึกสบายตา สบายใจ เมื่อคุณภาพใจถูกยกขึ้นมา การทำงานก็จะมีความประณีต ผลิตสินค้าที่ดีออกมาได้แน่นอน

         ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ประชากรมีคุณภาพ เขาจะมีวินัย 2 เรื่องนี้ดีมาก ตัวอย่างเช่น คนเยอรมันซึ่งเป็นชนชาติที่ใครจะว่าอะไรเขา เขาไม่ค่อยโกรธเท่าไร แต่ถ้าของที่เขาวางไว้เป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่ แล้วมีคนไปทำให้มันเสียระเบียบ เขาจะโกรธมาก เช่น ถ้าบ้านเขามีกระถางต้นไม้เรียงเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่แล้ว ใครไปเคลื่อนย้ายกระถางต้นไม้ออกมานอกแถวเกะกะ เขาจะโกรธมาก เขาจะรีบมาจัดให้มันคืนที่ พอเข้าที่แล้วก็สบายใจ เพราะความไม่เป็นระเบียบ ทำให้เขารู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ เนื่องจากเขาได้รับการปลูกฝังวินัยกันมาอย่างดี จนกระทั่งเป็นความเคยชิน

         ตั้งแต่วัยเด็ก สิ่งที่แวดล้อมตัวเขามีแต่ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความพร้อมเพรียง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้เข้าไปในใจคนเยอรมันตลอด เขาจึงรักความมีระเบียบวินัย และส่งผลให้คนเยอรมันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังที่สินค้าเยอรมันเป็นที่ยอมรับทั่วโลกในเรื่องคุณภาพดี เพราะปลูกฝังกันมาอย่างนี้ แม้แต่ชาวเยอรมันที่อาศัยอยู่ในต่างแดน เช่นในประเทศรัสเซีย ก็ยังคงรักษาความมีวินัยได้เป็นอย่างดี ใครที่เดินทางเข้าสู่หมู่บ้านของคนเชื้อสายเยอรมันจะรู้สึกได้ทันทีถึงความมีวินัยเพราะแม้แต่ต้นไม้ที่ปลูกบนพื้นดิน ก็ยังเข้าแถวเป็นระเบียบเรียบร้อย พอเห็นก็รู้เลยว่าเข้าเขตหมู่บ้านเยอรมันแล้ว

         ปัจจุบันในยุโรป มีการเปิดประเทศภายใต้สนธิสัญญาเจอร์เก้น ประเทศในสนธิสัญญา เช่นเยอรมัน ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม อิตาลี เป็นต้น ไม่ต้องขอวีซ่าทีละประเทศ แค่มีวีซ่าเข้าประเทศเดียว ก็สามารถเดินทางไปได้ทุกประเทศ ในการเดินทางจึงไม่มีด่านตรวจคนเข้าเมืองมากั้นระหว่างประเทศ ทำให้บางครั้งในการเดินทางแทบจะไม่รู้สึกว่าได้ข้ามแดน ข้ามประเทศไปแล้ว ยกเว้นแต่การเดินทางเข้าสู่เขตประเทศเยอรมันแล้ว เราจะรู้โดยอัตโนมัติว่าเข้าสู่ประเทศเยอรมันแล้ว เพราะทุกอย่างเป็นระเบียบ สะอาด ถนนหนทางไม่มีขยะเกลื่อนกลาด จึงไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมประเทศเยอรมันจึงมีการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง เป็นแกนนำของสหภาพยุโรป

         ฉะนั้นเราเองก็ต้องฝึก ดูแลที่พักที่ทำงานของเราให้สะอาดสะอ้าน และเป็นระเบียบเรียบร้อย ฝึกให้ลูกเรารู้จักรักความสะอาด ผมเผ้า หน้าตา ทุกอย่าง สะอาดสะอ้าน เสื้อผ้าเรียบร้อย เริ่มจากของสิ่งใกล้ตัวก่อน แล้ววินัยเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานสู่ความสำเร็จในชีวิต เด็กที่เติบโตมาในสิ่งแวดล้อมเช่นนี้จะรักความสะอาด รักความเป็นระเบียบ แล้วความสำเร็จจะตามมา

         ชาวญี่ปุ่น เป็นตัวอย่างที่ดีมากในเรื่องความมีวินัยเรื่องเวลา สมัยเรียนหนังสืออยู่มหาวิทยาลัยโตเกียว อาตมาเคยขอให้ศาสตราจารย์ที่ปรึกษา ช่วยพาไปฝากวัดญี่ปุ่น และได้พักอยู่ที่วัดนั้นเกือบหนึ่งปีเพราะอยากรู้ว่าคนญี่ปุ่นเขาอยู่กันอย่างไร คิดกันอย่างไร จะรู้จริงได้ก็ต้องไปอยู่ร่วมกัน

         เมื่อไปอยู่แล้วยังทึ่งว่า เวลาเริ่มงานเขาจะเริ่มพร้อมกัน เวลาเลิกงานเขาก็จะเลิกพร้อมกันด้วย ยกตัวอย่างเช่น ในเวลาเช้าเมื่อสวดมนต์เสร็จ พระทุกรูปในวัดจะมาช่วยกันกวาดลานวัด เราอาจคิดว่า เมื่อแบ่งพื้นที่กันกวาดแล้ว ใครกวาดพื้นที่ตัวเองเสร็จก่อนก็น่าจะไปพักได้ แต่ชาวญี่ปุ่นไม่ใช่อย่างนั้น เขาจะช่วยกันทำงานต่อรอจน

         ทุกคนเสร็จพร้อมกัน จึงจะหันหน้ามาโค้งให้กันแล้วพูดว่า “โอะซึคาเระซะมะเดะชิตะ” มีความหมายเป็นนัยว่า ชื่นชมความทุ่มเทเสียสละในการทำงานซึ่งกันและกัน แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไป

         ในการทำงาน ถ้ามีใครบางคนมาช้า คนอื่นๆ ก็จะไปช่วยในจุดที่ล่าช้านั้นจนเสร็จพร้อมกัน ดูเผินๆ เหมือนเสียเวลา แต่ความจริงกลับทำให้งานมีประสิทธิภาพ เพราะไม่มีใครอู้เลย ทุกคนรู้ว่าเพื่อนรออยู่ จะรีบทำงานอย่างขมีขมัน ทำเสร็จเรียบร้อยแล้วมาเจอกัน เลิกงานพร้อมกันด้วยความพร้อมเพรียง ความเป็นเอกภาพของหมู่คณะจึงเกิดขึ้น แม้แต่ในการขุดดินที่ทำร่วมกันหลายๆ คน แต่ละคนต่างใช้จอบขุดดินไป พอทำไปสักพักเดียว ปรากฏว่าทุกคนกลับฟันจอบอย่างพร้อมเพรียงกัน เห็นแล้วก็นึกชื่นชมปนขำว่าทำได้อย่างไร และพบคำตอบว่าชาวญี่ปุ่นใช้ความมีวินัย เป็นพื้นฐานสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานนั่นเอง

         จึงขอฝากเรื่องของความมีวินัยเรื่องเวลาและวินัยเรื่องความสะอาด ความเป็นระเบียบไว้ด้วยตัวอย่างง่ายๆ ดังกล่าว เพื่อวินัยจะได้นำพาชีวิตเรา ครอบครัว สังคมและประเทศชาติไปสู่ความสำเร็จในที่สุด

—————————————————————————————–
ที่มา : หนังสือ “ทันโลกทันธรรม” โดย พระมหาดร.สมชาย ฐานวุฑฺโฒ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *