โกธํ ฆตฺวา สุขํ เสติ ฆ่าความโกรธได้แล้วย่อมอยู่เป็นสุข -พุทธศาสนสุภาษิต
“ความโกรธ” คือ สภาวะทางอารมณ์ที่รุนแรง มักเกิดขึ้นจากความไม่พอใจในสิ่งที่มากระทบใจ ความโกรธ แม้ไม่มีตัวตน แต่เมื่อเกิดขึ้นกับใครแล้วจะมีอานุภาพไม่มีประมาณ สามารถทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่คนที่เขารัก เกิดผลเสียหายร้ายแรงอย่างไม่อาจประเมินได้ ผู้ที่ปล่อยให้ความโกรธครอบงำใจบ่อยๆ เป็นประจำ ในไม่ช้าก็จะกลายเป็นคนนิสัยไม่ดี ที่แก้ยาก จนทำลายภาพลักษณ์ของตนในสังคมไป
“ความโกรธ” นั้นมีหลายระดับ ตั้งแต่มากไปหาน้อย แล้วแต่สภาวะทางจิตใจของแต่ละคนว่า สามารถควบคุมตนเอง ได้มากน้อยเพียงใด
เรื่องนี้พระสัมมาส้มพุทธเจ้าได้เคยตรัสไว้ใน เลขสูตร โดยกล่าวถึงบุคคล ๓ ประเภท ที่ถูกว่ากล่าวด้วยถ้อยคำหยาบ แล้วมีระดับความโกรธที่แตกต่างกันไป โดยมีใจความดังนี้
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในโลกนี้มีบุคคลอยู่ ๓ ประเภท คือ…
บุคคลเหมือนรอยขีดในหิน
บุคคลเหมือนรอยขีดในดิน
บุคคลเหมือนรอยขีดในนา
บุคคลเหมือนรอยขีดในหินเป็นอย่างไร ?
บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้มักโกรธอยู่เนืองๆ และความโกรธของเขาเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะติดแน่นอยู่ในใจนาน เหมือนรอยขีดในหิน ไม่ลบเลือนไปง่ายๆ เราเรียกบุคคลประเภทนี้ว่า บุคคลเหมือนรอยขีดในหิน
บุคคลเหมือนรอยขีดในดินเป็นอย่างไร ?
บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้มักโกรธอยู่เนืองๆ แต่ความโกรธของเขานั้นเกิดขึ้นอยู่ในใจไม่นาน ไม่ช้าก็เลือนหาย เหมือนรอยขีดในดิน ย่อมลบง่ายด้วยลม หรือน้ำเซาะ เป็นต้น เราเรียกบุคคลประเภทนี้ว่า บุคคลเหมือนรอยขีดในดิน
บุคคลเหมือนรอยขีดในน้ำเป็นอย่างไร ?
บุคคลบางคนในโลกนี้แม้ถูกว่ากล่าวด้วยคำหยาบ ก็ยังรักษาใจของตนให้สงบได้ ไม่ด่าตอบ เหมือนรอยขีดในน้ำ ย่อมสลายไปอย่างรวดเร็ว ไม่ติดอยู่นาน เราเรียกบุคคลประเภทนี้ว่า บุคคลเหมือนรอยขีดในน้ำ”
ความโกรธนั้นไม่ดีเลย ความโกรธเมื่อเกิดขึ้นแล้ว จงอย่าวิ่งตามความโกรธ จงอย่าเก็บไว้ภายในใจ ควรชนะความ โกรธด้วยการให้อภัย นึกเสียว่า คนเราทุกคนย่อมมีข้อบกพร่อง ไม่มีใครสมบูรณ์พร้อม แม้แต่ตัวของเราอง ฝึกมองโลกด้วยจิตเมตตา มีความรักความปรารถนาดีต่อผู้อื่นให้มากขึ้น ปล่อยวาง ความยึดมั่นถือมั่น ใจจะได้ใสสะอาด การปฏิบัติธรรมก็จะดีเอง
เลขสูตร : พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต, มมร. เล่ม ๓๔ หน้า ๕๖๘
ที่มา : จากหนังสือแรงบันดาลใจจากพระไตรปิฎก